BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย

BumRes iOS App แอพค้นหาร้านอาหารที่ดีที่สุดในไทย
BumRes App V2

Sunday, March 31, 2013

ต้องตาปูดอง ศรีวรา Review

ต้องตาปูดอง - ร้านข้าวต้ม อาหารไทย อาหารตามสั่ง มื้อดึก - ถนนศรีวรา Town in Town




Overall Score  6.5/10
Taste   3.5/5
Ambiance  2/5
Service  3/5
Value   3/5

ต้องตาปูดอง - ร้านข้าวต้ม อาหารไทย มื้อดึก on BumRes.com (For more pictures and menu)



ช่วงหลัง ๆ นี่ผมรู้สึกว่าจะได้กินร้านอาหารประเภทข้าวต้ม, ร้านมื้อดึก เยอะกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย จากที่เมื่อก่อนไม่เคยได้กินเลย ช่วงหลัง ๆ นี่ได้ตระเวณไปหลายร้านเหมือนกัน ร้านในรีวิวฉบับนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านแนวนี้กับร้านที่มีชื่อว่า "ต้องตาปูดอง" ร้านนี้อาจจะไม่ได้เป็นร้านมื้อดึกอะไรมากมาย ไม่เหมือนร้านอื่น ๆ ที่เคยรีวิวมาเพราะว่าเปิดถึงแค่ตี 1 แต่ก็เป็นอะไรที่ดึกพอ ดึกกว่าหลาย ๆ ร้านในย่านถนนศรีวรานี่พอสมควรล่ะ ร้าน ต้องตาปูดอง แห่งนี้ ตั้งอยู่บนนถนนศรีวรา ถ้าขับมาจากทางฝั่งพระราม 9 เลี้ยวเข้าถนนศรีวรามาก็จะอยู่ก่อนถึงทางเข้า town in town เล็กน้อย หรือพูดอีกนัยนึงคือเกือบจะเยื้อง ๆ กับ town in town ก็ว่าได้ หาไม่ยากครับ แต่ประเด็นคือจะมีที่จอดรถรึเปล่าแค่นั้น โชคดีตอนผมไปเป็นช่วงยังไม่ดึกมาก ก็เลยยังพอมีที่จอดรถอยู่ แต่แบบ พอผมยิ่งกินก็ยิ่งมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ จนตอนหลัง หน้าร้านนี้ไม่มีที่จอดรถกันเลยทีเดียว

ร้าน ต้องตาปูดองแห่งนี้ก็เป็นร้านแบบบ้าน ๆ ห้องแถว ๆ เพิง ๆ ตามประสาร้านข้าวต้มข้างถนนที่พบเจอกันได้ทั่ว ๆ ไป บรรยากาศของร้านออกแนวเป็นเพิง ๆ มากกว่าห้องแถวด้วยซ้ำ และก็ออกแนวซกมก ๆ กว่าร้านข้าวต้มร้านอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมาก็ว่าได้ อืม แต่ความสกปรก ความซกมก ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการกินอาหารแนว ๆ นี้กันสักเท่าไรสำหรับผม (หรืออาจจะทุก ๆ ท่านด้วย?) มันจะออกแนวยิ่งซกมก ก็ยิ่งจะทำให้ร้านแนวนี้ดูขลังกว่าเดิมก็คงไม่ผิดนัก อาหารของร้านนี้ก็จะเป็นอาหารประเภท อาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ตามกรรมวิธีการทำ เช่นอาหารหมวด ยำ, อาหารรสจัด, อาหารหมวดผัด หรืออาหารพวกต้ม ๆ อะไรพวกนี้ ราคาอาหารของร้านนี้ผมก็ไม่รู้ว่าแพงรึเปล่าคืออยู่ที่อย่างละประมาณ 100 บาทโดยประมาณ ซึ่งเมื่อเทียบกับร้านข้าวต้มแนว ๆ นี้มันก็อาจจะไม่แพง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมื้อนี้กิน ๆ ไปกินมาก็ซัดไป 1,200 บาทสำหรับคน 4 ได้เหมือนกัน อาจจะเพราะว่าอาหารของเค้าจานไม่ค่อยใหญ่เท่าไร หรืออาจจะเพราะพวกผมกินเยอะ แต่ว่านะ ทุก ๆ ทีกินร้านแนว ๆ นี้มาก็มักจะไม่เคยจะเคยเกิน 200 บาทต่อคนเลย อืม ก็แล้วแต่ละกันสำหรับเรื่องราคาสำหรับร้านนี้

อาหารของร้านนี้ก็ไม่เร็วไม่ช้าสักเท่าไร สั่ง ๆ ไปก็มีรอบ้างตามสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับช้าแบบบางร้าน ก็โอเคละครับสำหรับร้านนี้ มื้อนี้เริ่มต้นด้วยอาหารของชื่อร้าน หรืออาหารที่เป็นอาหารจานเด่นที่จะใช้วัดว่าร้านแนวร้านข้าวต้ม, ร้านปูดอง ร้านไหนอร่อยไม่อร่อยก็ด้วยเมนู ปูดองนี้นี่เอง จานแรก ปูม้าดอง - 120 บาท จานนี้ก็เป็นปูม้าตัวเล็ก ๆ ขนาดมาตรฐาน (อ่านว่าเล็กเมื่อเทียบกับร้าน seafood แต่ก็เรียกว่าโอเคสำหรับร้านปูดองทั่ว ๆ ไป) ปูดองของร้านนี้รสชาติน้ำจิ้มแซ่บดี แต่ว่าตัวปูนั้นเหมือนจะแช่แข็งมาแล้วยัง thaw มายังไม่หายแข็งดี กินไปแต่ละคำยังเป็นเกล็ด ๆ หิมะ อยู่เลย คืออันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นสไตล์ของร้าน ต้องตาปูดองเค้ารึเปล่า แต่แบบพวกผมไม่ค่อยชอบกันเลย ซึ่งแบบเสียดายเนื้อปูครับ เพราะว่าตัวน้ำยำนั้นอร่อยดีมาก รสชาติแซ่บโดนใจสุด ๆ เลย






ผักหวานผัดหนำเลี๊ยบ - 80 บาท - อาหารอย่างที่ 2 ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกดีเหมือนกันครับ ไม่ค่อยเจอใครมีเมนูผักหวานอยู่ในเมนูสักเท่าไร จานนี้ทางร้านผัดมาแบบผักยังแข็ง ๆ อยู่ กินแล้วพวกผมไม่ค่อยชอบกันสักเท่าไร เพราะมันเหมือนกินผักไม่สุก ส่วนตัวรสชาติโดยรวมนั้นก็พอโอเค หนำเลี๊ยบ ๆ เค็ม ๆ กำลังดี แล้วก็ให้เนื้อหมูมาเยอะดี ตัวน้ำซอสที่ผัด ๆ มาก็อร่อยดี แต่รวม ๆ ตัวพระเอกหลัก หรือตัวผักหวาน มันยังไม่ค่อยนุ่มสักเท่าไรนี่สิครับ อืม

ขาไก่ซุปเปอร์หม้อไฟ - 120 บาท - อาหารอย่างที่ 3 จานนี้ก็เป็นอีกจานที่ทำรสชาติมาได้แซ่บมาก ตัวน้ำซุปเปอร์ขาไก่ออกมาแนว ใส ๆ ไม่ได้ข้นคลั่กเหมือนหลาย ๆ ร้าน ซึ่งพวกผมค่อนข้างชอบกัน ออกแนวเป็นน้ำต้มยำกินลื่น ๆ คล่อง ๆ ปากมากกว่า แต่ว่าตัวขาไก่ของร้านนี้ไม่รู้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านอีกแล้วรึเปล่าคือมาแบบขาเล็กมาก ๆ เหมือนแบบเป็นขาไก่เด็ก หรือตีนลูกไก่ อะไรประมาณนี้ กินแล้วแบบยังแทะเนื้อไม่ค่อยมันส์เลยก็หมดก่อนซะแล้ว ชอบแบบตีนใหญ่ ๆ แทะสะใจ ๆ มากกว่าอ่ะครับ







ไส้พะโล้ทอด - 70 บาท - อันนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ครับ อร่อย ไม่มีอะไรต้องโต้แย้ง ไส้พะโล้ก็ให้มาเยอะ ทอดมาได้แบบกรอบมาก ๆ เหมือนกินแบบขนมขบเคี้ยวแต่ได้ feeling ของอาหารคาวอะไรประมาณนั้น เยี่ยมเลยครับจานนี้

ยำสามกรอบ - 80 บาท - เจ้ายำสามกรอบนี่บอกตรง ๆ ว่าผมกินมากี่ร้านต่อกี่ร้าน กี่เจ้าต่อกี่เจ้าก็ไม่เคยจะอร่อยสักกะทีเพราะว่ามัน แบบเป็นยำบ้าอะไรก็ไม่รู้ มีแต่อะไรที่มาผสมผสานกันไม่ค่อยลงตัวเลย จานนี้ผมเฉย ๆ แต่ตัวเพื่อนผมที่ชอบเจ้าเมนูนี้ แล้วเป็นคนสั่งไป ก็ดูจะชอบดีนะครับ อันนี้ก็ลางเนื้อชอบลางยาละกัน






กระเพาะปลาผัดแห้ง - 100 บาท -  อาหารแนวจีน ๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดถูกคดผิดรึเปล่าที่สั่งไปที่ร้าน ต้องตาปูดอง - ศรีวรา แห่งนี้ เหมือนทางร้านจะทำมาไม่เหมือนกับกระเพาะปลาผัดแห้งตามร้านอาหารจีนสักเท่าไร คือมาแบบแฉะ ๆ เละ ๆ เหมือนออกแนว เป็นผัดซีอิ๊ว ๆ แต่เปลี่ยนเป็นกระเพาะปลาแทนเส้นใหญ่แทน อืม ตัวรสชาติก็พอโอเคครับ พอจะเรียกได้ว่าเป็นกระเพาะปลาผัดแห้งอยู่ พอกล้อมแกล้มไปได้

ปลาหมึกไข่ผัดพริกเกลือ - 130 บาท -  จานนี้หน้าตาน่ากินมากครับ ในแง่ของกระเทียม, พริก และตัวปลาหมึกที่ให้มาในจาน แต่เมื่อพิจารณาถึงเมนูที่บอกว่าเป็นปลาหมึกไข่แล้ว มันก็แอบจะเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคเหมือนกันเพราะว่ามันเหมือนเป็นปลาหมึกธรรมดา ๆ ไม่ใช่หมึกไข่ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะทางร้านหั่นตัวปลาหมึกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตัวไข่ก็เลยหลุดไปหมด รวม ๆ จานนี้อร่อยครับ แต่แค่ถ้าตัวหมึกไข่มันมาเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ไข่เต็ม ๆ ชิ้นอูม ๆ จริง ๆ จานนี้ก็คงจะเทพกว่านี้อีกเยอะเลย






ไส้หมูพะโล้ - 50 บาท - จานนี้ออกแนว fail ครับ ไส้พะโล้เหม็น และก็มาแบบเนื้อเละ ๆ เหนียว ๆ เคี้ยวยาก ๆ ตัวน้ำพะโล้ก็เหมือนจะเค็ม ๆ ไปหน่อย และก็น้ำเหนียวไป ไป ๆ มาจานนี้เหมือนจะกิน..อะไรดีอ่ะ ไม่ใช่เนื้อหรืออวัยวะเอาไปทำพะโล้อ่ะครับ พวกผมทั้ง 4 คนไม่ชอบกันหมดเลย

แกงส้มชะอม ปลาช่อนทอด - 120 บาท จานนี้อร่อยครับ ให้มาเยอะดีด้วย ให้ชะอมมาเต็ม ๆ ให้ปลาช่อนมาเต็ม ๆ น้ำซุปเข้มข้นอร่อย เผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ กำลังดี ตัวปลาช่อนก็ทอดมากรอบ ๆ กำลังดี โอย โดยรวมอร่อยดีเลยครับจานนี้ สมกับที่เป็นอาหารแนะนำของทางร้าน







อาหารจานสุดท้ายเป็น หอยจ๊อ - 80 บาท - จานนี้ก็อร่อย หอยจ้อทอดมาได้ดีมาก กรอบ ๆ เนื้อด้านในก็เนียน ๆ นุ่ม ๆ แต่ว่าแบบหอยจ้อชิ้นเล็กไปหน่อย กินแต่ละคำยังไม่ค่อยสะใจ ซึ่งยังดีที่ทางร้านต้องตาปูดองให้มาค่อนข้างเยอะ ก็แก้ขัดด้านความใหญ่ด้วยปริมาณไปได้ อืม เป็นจานปิดท้ายที่ดีครับ กินเล่น ๆ เพลิน ๆ เติมเต็มกระเพาะจนอิ่มพอดี

มื้อนี้ค่าเสียหาย 1,265 บาทโดยประมาณ มีเบียร์ลีโอ 2 ขวดหรือ 3 ขวดไม่แน่ใจ ก็รวม ๆ แล้วไปกัน 4 คนก็อยู่ที่ที่คนละ 300 กว่าบาท ร้านต้องตาปูดอง - ศรีวรา แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านข้าวต้ม -  อาหารตามสั่ง - อาหารมื้อดึก ที่ค่อนข้างจะธรรมดา ๆ สำหรับผมเหมือนกัน กิน ๆ ไปกินมาเหมือนกับว่าร้านนี้จะมีจุดเด่นอยู่อย่างเดียวคือตัว ความหลากหลายของเมนู และความแปลกของเมนูที่มีหลาย ๆ เมนูหากินที่ไหนไม่ได้ และก็เรื่องทำเลของทางร้านที่ค่อนข้างจะอยู่ในเมืองพอสมควรเลย อืม ก็ ถ้าใครมาแถวศรีวรา แล้วอยากหาอาหารง่าย ๆ บ้าน ๆ ไม่แพงนักกิน ร้านนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Saturday, March 30, 2013

Hokkaido Gateway Ekkamai Review

Hokkaido - Japanese Restaurant at Gateway Ekkamai, Bangkok - BTS Ekkamai

ฮอกไกโด - ร้านอาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาซิมิ ปูทาราบะ เบียร์สด เกทเวย์ เอกมัย BTS เอกมัย



Overall Score  7.5/10
Taste   4/5
Ambiance  4/5
Service  3/5
Value   4/5

Hokkaido - Japanese Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)







ร้าน Hokkaido ในรีวิวฉบับนี้ ถ้าจะเอาจริง ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านสาขาที่ 2 ของร้านสาขาแรก สาขาต้นตำรับที่บริเวณต้น ๆ ถนนสุรวงศ์ ที่เปิดทำการมาได้ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งที่ผมใช้คำว่า "ถ้าเอาจริง ๆ" ก็เพราะว่า 2 ร้านนี้แม้ว่าชื่อร้านจะเหมือนกัน, มีปูยักษ์ (แต่ไม่ยักษ์เท่ากับร้านปูยักษ์ที่ฮอกไกโด) ตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้านเหมือนกัน และก็ขายอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ว่าร้าน Hokkaido สาขา Gateway Ekamai ในรีวิวฉบับนี้นั้น รายการอาหารและราคาอาหารจะสบายกระเป๋ากว่าที่สาขาสุรวงศ์พอสมควร เนื่องจากว่าเป็นร้านที่อยู่ในห้าง ต้องแบบให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเข้าถึงได้ง่าย ๆ หน่อย ไม่เหมือนกับร้าน Standalone ที่เน้นลูกค้าที่จะถ่อไปกินถึงที่มากกว่า เลยตั้งราคาได้ premium กว่า ขายอาหารได้ premium กว่าอะไรงี้

ร้าน Hokkaido แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ๆ ร้านนึง ที่โอเค อาจจะ positioning ตัวเองอยู่เหนือพวกร้าน Mainstream อย่างพวกร้าน Fuji  หรือ ZEN บ้างเล็กน้อย แต่อาหารโดยรวม ๆ ของร้านนี้ก็ไม่ได้หนีจากร้านส่วนใหญ่ที่พบเจอมาสักเท่าไร ทั้งในแง่ราคาอาหาร และความหลากหลาย, ความ rare ของเมนูอาหารอะไรประมาณนี้ ก็คือต้องคง concept ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างให้ได้สักเล็กน้อย จุดเด่นจริง ๆ ของร้านนี้ และเป็นจุดเด่นมานานแล้วก็คือ ทางร้านจะมีปูทาราบะยักษ์สด ๆ เป็น ๆ (รึเปล่า?) มาขายอยู่ทุก ๆ วัน และก็จะมักจะมีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมากินอยู่เสมอ (ที่สาขา Gateway Ekamai ตอนที่ผมนั่งกินอยู่ก็มีคนสั่งไปกิน 2 ตัวนะคุณขา ตัวละ 3500 บาทนะคะคุณขา) ซึ่งเจ้าปูทาราบะ หรือประมาณ ญาติฝ่ายพี่ของปูอลาสก้านี่ บอกตรง ๆ ว่าตัวผมเองไม่ค่อยรู้สึกอยากจะเสียเงินกินมันสักเท่าไร คือมันแพงโอเว่อร์ไป เนื้อก็ไม่ได้อร่อยเลิศเลออะไรมาก เนื้อปูม้า, ปูทะเล สด ๆ ดี ๆ บ้านเราอร่อยกว่าด้วยซ้ำ คือแบบถ้าขายตัวละสัก 500 - 1000 บาทอันนี้ก็จะโอเคขึ้นมาหน่อยน่าสั่ง




แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ค่านิยมของคนญี่ปุ่น เค้าให้ความสำคัญกับอาหารดี ๆ ของดี ๆ กันจนสามารถตั้งราคาออกมาโอเว่อร์ได้ เราคนไทย เบี้ยน้อยหอยน้อย ถ้าอยากจะกินก็ต้องทุบกระปุกกินกันเอา ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกหน่อยบ้านเราจะทำแบบญี่ปุ่นได้มั้ยที่แบบการขายรถคันนึงนั้นราคาถูกกว่าการขาย Blue Fin Tuna ตัวนึง , การขายมะม่วงโคตร Premium ลูกนึงนั้นราคาเท่า ๆ กับการซื้อ หูฟังดี ๆ คู่นึง คือ เทียบง่าย ๆ คือ รัฐบาลญี่ปุ่นเค้าให้ความสำคัญกับเกษตรกร, ชาวประมงของพวกเค้ามาก ไม่อยากให้มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ก็เลยแบบเป็นข้อกำหนด, ค่านิยม, ประเพณี ไปแล้วว่า อาหารดี ๆ ตั้งราคาแพงได้ ก็เลยทำให้เกษตรกรของพวกเขา มีเงิน, มีการศึกษา มีชีวิตที่สุขสบาย แต่พอมาเทียบกับ เกษตรกร, ชาวประมงเราที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากทุก ๆ ด้าน, ถูกนักการเมืองหน้าเหี้ยซื้อเสียงเพื่อไปเลือกพวกมันเพื่อให้มาหลอกแดกจากเกษตรกรใหม่แบบเป็นกงกรรมกงเกวียน, ไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ที่จะไปพัฒนาตัวเอง พัฒนาสินค้าตัวเอง หรือไม่ให้ตัวเองโดนซื้อเสียง ฯลฯ คือแบบ คนละเรื่องอ่ะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ชาตินี้ผมจะได้เห็นเกษตรกรบ้านเราลืมตาอ้าปากได้เหมือนประเทศพัฒนาแล้วบ้างมั้ย (แล้วทำไมมึงไม่ไปเป็นเกษตรกรเองคุณถาม? แล้วทำไมคุณไม่ไปเป็นล่ะครับ ฮ่า ๆ )

ทำไมมันออกนอกเรื่องไปขนาดนี้ได้เนี่ย กลับมาเรื่องรีวิวกันต่อ ร้าน Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ณ เวลาเที่ยงจะมีเมนู Set Lunch ที่มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่จะเน้นความคุ้มค่าไว้ขาย (ก็เป็นพวก sushi set, soba, udon, tempura, ข้าวหน้าต่าง ๆ ไรงี้) ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นเมนู a la carte ที่มีให้เลือกค่อนข้างครบครัน ปลาย่าง, Sushi, Sashimi, Sukiyaki, Shabu, Donburi อะไรต่าง ๆ ก็มีให้เลือกครบหมด สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างมื้อเย็นกับมื้อเที่ยงอีกอย่างคือ มื้อเที่ยงจะไม่คิด vat + service charge แต่พอหลัง 17.00 น.ไปปุ๊บก็จะคิดเพิ่มเข้ามา อืม ก็แปลกดีนะ ราคาอาหารของร้านนี้ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ แพงกว่าร้าน mainstream 2 ร้านที่ว่าเล็กน้อย หรือเท่า ๆ กันรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ไปกิน 2 ร้านที่ว่านานแล้ว

มื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปตอนเที่ยงและไปกันแค่ 2 คนก็เลยสั่ง set lunch กันมาคนละ set แค่นั้น

set แรกนั้นเป็น ชุดอุด้งเย็นกับเทมปุระ (Ten Zaru Udon - 280 บาท) : set นี้ก็เป็นเซ็ทที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ครับ แต่ทำออกมาได้น่ากินดีคือแยกอุด้งเป็น 2 ส่วน ใส่สาหร่ายโปะหน้ามาส่วนนึง กับไม่ใส่ส่วนนึง ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวเส้นอุด้งก็เหมือนกันทุกประการแค่ทำให้มันดูแตกต่างกันเท่านั้น ส่วนตัว tempura ที่ให้มานี่ผมชอบมาก เพราะแบบทอดมาได้กรอบ ๆ กำลังดีและแป้งก็ไม่หนาเกินไป และกุ้งที่ใช้ก็เป็นกุ้งลายเสือ ตัวโตเนื้อแน่นแบบ อืม เมื่อเทียบกับราคา 280 บาทที่จ่ายไปแล้ว เอาจริง ๆ มันก็คุ้มมากเลยนะเนี่ย (บางร้านสั่ง tempura รวม ยังไม่ได้เลย 280 บาทนี่)






set ที่สองเป็น ชุดข้าวปั้นหน้าปลาดิบพิเศษ (Hokkai Sushi Set - 1,000 บาท) : set นี้แว่บแรกที่เห็นนั้นแอบมีเคืองครับ เพราะว่าตัวหน้าตาในเมนูกับของจริงที่ได้นั้นมันไม่ตรงกัน แต่เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่แน่ใจในตอนนั้นว่ามันเหมือนกับในเมนูจริง ๆ หรือไม่เหมือนก็เลยไม่ได้โวยไป เพราะเอาจริง ๆ แล้วในเมนูจะมีตัว otoro หรือ chutoro มาให้ด้วย 2 ชิ้น และก็จะมี sushi ทั้งหมด 12 ชิ้น แต่นี่... ไม่มี และก็ได้มาแค่ 10 ชิ้นเท่านั้น ม่ายยย นี่มันเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคนี่น่า อืม แต่ก็ช่างมัน ผ่านไปแล้ว เข้าถึงเรื่องรสชาติดีกว่า ตัวไข่ตุ๋นที่ให้มาใน set นี้อร่อยดีครับ ออกแนวอร่อยกว่าร้านทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย แต่ก็ให้พวกเครื่อง, พวกเนื้อสัตว์มาน้อยไปหน่อย | ตัวสลัดใน set ทางร้านบอกจะเป็นผักจากฟาร์มที่ปลูกเอง ก็เลยแบบ อืม อร่อยกว่าปกติเล็กน้อย | ส่วนตัวพระเอกหลักหรือตัว Sushi โดยรวม ๆ ก็รสชาติดี ปั้นมาดีนะครับ ยังไม่ถึงกับดีจนน่าใจหาย , ดีจนประทับใจ แต่ชัดเจนว่าทำได้ดีกว่าร้าน Mainstream ทั่วไปแน่นอน แต่ก็นะ ผมโดนหลอกกกกก ม่ายยยยยยยย






มื้อนี้ปิดท้ายด้วยไอศครีมถ้วยเล็ก ๆ 2 ถ้วย เป็นไอศครีมนมสด ซึ่งตอนก่อนจะกินก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก แต่พอได้กินแล้วมันแบบ เฮ้ย อร่อยจังวะ มันแบบเป็นไอศครีมนมสดที่เข้มข้นมาก น่าจะทำเอง และก็น่าจะใช้นมฮอกไกโดมาทำ โอย สั่ง set อาหาร set นึงมากินเจ้าไอศครีมนี่แค่นี้ก็คุ้มแล้วล่ะครับผมว่า ฮ่า ๆ

สรุป ร้านอาหารญี่ปุ่น Hokkaido @ Gateway Ekamai แห่งนี้ ก็เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะมาตรฐาน ค่อนไปทางดีกว่ามาตรฐานเล็กน้อยล่ะครับ พนักงานของทางร้านแม้ว่าจะดูไม่ค่อยรู้เรื่อง โก๊ะ ๆ งง ๆ ตามประสาพนักงานที่ไม่ค่อยได้เทรนอะไรมามากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงราคาอาหาร, คุณภาพอาหาร หรือภาพโดยรวมแล้ว ร้านนี้ก็โอเคในระดับนึงล่ะ กินร้านสาขานี้เสร็จแล้ว ทำเอาผมอยากจะไปลองสาขาต้นตำรับที่สุรวงศ์ดูจังเลย อยากรู้ถึงความแตกต่าง , ความ premium ของร้านนี้ว่ามันจะดีกว่ากันได้ขนาดไหน


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Sheep Village Bangkok Review

Sheep Village - ร้านอาหารไทย ริมน้ำ Pub & Restaurant ดนตรีสด เบียร์สด แกะ




Overall Score  /10
Taste   /5
Ambiance  /5
Service  /5
Value   /5

Sheep Village - Thai Pub and Restaurant on BumRes.com (For more pictures and menu)



ร้าน Sheep Village หรือหมู่บ้านแกะ แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารแนว Pub & Restaurant & Karaoke ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน (รู้สึกจะช่วงปลาย ๆ ปี 2012 ที่ผ่านมานี่เอง) ที่ตั้งของร้านนี้ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมบอกว่ามันเคยเป็นร้านอาหารอะไรสักอย่างมาก่อน แล้วก็เจ๊งไป หรือหมดสัญญาไป หรืออะไรไปก็แล้วแต่ ก็เลยได้เจ้าของร้านอาหาร เด็กเลี้ยงแกะ ร้าน Pub & Restaurant  ชื่อดังบริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา มาบริหารจัดการเองแทน และจากความสำเร็จของร้านก่อนหน้า ก็เลยเหมือนจะแบบคง ๆ concept เดิม แต่มีการดัดแปลงเล็กน้อย ก็เลยออกมาเป็นร้าน Sheep Village แห่งนี้ นี่เอง

ตัวผมเองก็เคยไปกินที่ร้านเด็กเลี้ยงแกะมาแล้ว (แต่ไม่ได้เขียนรีวิวเพราะวันนั้นไม่ได้เอากล้องไป กะเมาเต็มที่ ฮ่า ๆ) มางวดนี้ก็ถ่ายรูปมานิดเดียวอีก เพราะหลัง ๆ เริ่มพริ้ว เริ่มเมา ขี้เกียจถ่ายรูปแล้ว อะไรงี้ เอาเป็นว่าร้าน Sheep Village นี่ก็เป็นประมาณสวนอาหาร - Pub & Restaurant แบบที่ว่านี่แหละครับ ทางร้านมีดนตรีสดเล่นอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั่งกินนั่งดื่มอยู่ที่ร้านตั้งแต่ 2 ทุ่มยันเกือบ ๆ ตี 2 ตัวเพลงเล่นไม่ค่อยดังมากนัก ไม่ค่อยมีปัญหาต่อการสนทนากับเพื่อนฝูงร่วมโต๊ะสักเท่าไร แต่เนื่องด้วยวันที่ผมไปนั้นเป็นวันเสาร์กลางคืน ลูกค้าของทางร้านก็เลยแบบแน่นมาก ๆ การบริการก็เลยหละหลวม ขาดตอน มีปัญหาตลอดทั้งคืนเลย คือเด็กเสิร์ฟที่ดูแลโต๊ะผม มีอยู่แค่คนเดียว และนางก็ยังต้องดูแลโต๊ะอื่น ๆ อีกหลายโต๊ะ ก็เลยแบบกว่าจะเรียกได้ กว่าจะได้อาหาร กว่าจะได้ของแต่ละอย่างก็เลยค่อนข้างนาน และขาดช่วงจริง ๆ แต่ว่าพนักงานที่ดูแลผมเค้าก็ดีนะครับ พูดจาดี ยิ้มแย้ม และสั่งอะไรก็เอามาให้ มันเสียแค่ว่าทางร้านไม่เตรียมพนักงานให้พอดีกับความหนาแน่นของลูกค้าก็แค่นั้นแหละ

ส่วนอาหารของร้านนี้ผมจำไม่ได้ว่ามันเหมือนกับร้านเด็กเลี้ยงแกะทุกประการรึเปล่า แต่เห็นเพื่อนผมบอกว่าเหมือนกันเด๊ะ ๆ เมนูเล่มเดียวกันเลย คือจะเหมือนหรือไม่เหมือนเป๊ะก็ช่างมันละกันนะครับ เอาเป็นว่าอาหารของร้านนี้ก็เป็นอารมณ์อาหารไทยแกล้มเหล้า อาหารไทยทั่ว ๆ ไปอะไรประมาณนั้น ราคาพวกจานธรรมดา, แกล้มเหล้าก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ส่วนพวกอลังการ ๆ หน่อยเช่นพวกปลา , พวกต้มต่าง ๆ นา ๆ ก็จะ  200 - 300 บาทประมาณนี้ ราคามาตรฐาน ๆ นั่นเอง ส่วนพวกเครื่องดื่มก็แน่นอนครับ เป็น Pub & Restaurant ขนาดนี้เครื่องดื่มมีให้เลือกครบครัน เมาปลิ้นได้หลากหลายรูปแบบแน่นอน Whiskey, Beer, Draft beer, Wine, Cocktail ทางร้านมีครบหมดเลยครับ ราคาพวกเครื่องดื่มก็ไม่ค่อยแพงเท่าไร mixer ก็จะอยู่ที่ 30 บาท ส่วนพวกเบียร์ก็จะราคามาตรฐาน Hoegaarden 220 บาท, Heineken Tower 550 บาทไรงี้ แต่ร้าน Sheep Village แห่งนี้เหมือนจะเจ๋งกว่าร้านอื่นหน่อยตรงที่จะมีเบียร์สด Est. 33 ไว้คอยบริการด้วย และมีแบบครบหมดเลยทั้ง Black, Copper และ ​Lager และราคาก็ถูกกว่าที่ร้าน ต้นตำรับอีกด้วย เนื่องด้วยไม่มี vat + service charge มาบวกเพิ่ม (190 บาทถ้วน)





ก็รวม ๆ ร้านนี้ก็โอเคหมดนะครับ บรรยากาศดี พนักงานขาดแคลนบ้างแต่ก็บริการด้วยใจ อาหารเครื่องดื่มก็มีให้เลือกครบครัน แต่ร้านนี้มาตกม้าตายก็ตรงตัวอาหารนี่แหละครับ คือมื้อนี้เนื่องจากพวกผมไปกันประมาณ 12 คน อาหารที่สั่งก็เลยสั่งกันมาเยอะมาก สั่งกันมาแทบจะหมดเมนูเลยก็ว่าได้ และก็ได้ข้อสรุปอย่างนึงสำหรับอาหารของร้านนี้คือ พวกกับแกล้ม ของกินเล่น ที่ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงอะไรมากนั้น อร่อย และสั่งได้หมด เช่น ออร์เดิร์ฟเบียร์ (120 บาท) , แหนมซี่โครง (110 บาท) , ทอดมันกุ้ง (130 บาท) อะไรพวกนี้ รสชาติ โอเคมาตรฐานเลย แต่พอเป็นอะไรที่แบบต้องกินร้อน ๆ ถึงจะอร่อย, เป็นอะไรที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงนิดนึง หรือมากหน่อย ก็จะกลายเป็นอาหารห่วยแตก แหลกม่ายล่าย ขึ้นมาแทนครับ เช่น ปลากะพงนึ่งบ๊วย (300 บาท) , ขออีกจาน (ถามจริงรสชาติแบบนี้ใครจะขออีกจาน) ( 130 บาท), คอหมูย่างกระทะร้อน (170 บาท), หมึกไข่นึ่งมะนาว (200 บาท) อะไรประมาณนี้ fail หมดเลย คือไอ้ที่ไม่ร้อนก็เข้าใจนะครับ เหมือนแบบพอครัวทำอาหารเสร็จก็จะเอาไปวางทิ้งไว้รอเด็กมายกไปเสิร์ฟ และเนื่องจากเด็กมันน้อยก็เลยทำให้เสิร์ฟช้าแล้วอาหารมันเย็น แต่ว่าไอ้ที่ไม่อร่อยโดยตัวมันเองมันก็เยอะอยู่ ก็ไม่รู้เพราะว่าแม่ครัว, พ่อครัว ยุ่งจัดจนลิ้นเพี้ยน , มือไม่เที่ยง หรือว่าอะไรก็ตามรึเปล่า คืออาหารส่วนใหญ่ แหลก ม่าย ล่าย จริง ๆ นะครับไม่ได้ล้อเล่น





สรุป ร้าน Sheep Village @ สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ 86/1 แห่งนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลูกค้าถึงมากันเยอะ โอเคบรรยากาศร้านอาจจะดี ติดริมน้ำ และก็ลมโกรกเย็นสบาย ร้านก็ตกแต่งได้สวยน่ารักดี แต่ว่าสำหรับตัวผมแล้ว การจะเลือกไปกินร้านอาหารร้านนึง รสชาติอาหารมันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว ก็ถ้าต่อไปอยากจะหาร้าน Pub & Restaurant ริมน้ำ ผมก็คงจะไม่ค่อยอยากจะนึกถึงร้านนี้สักเท่าไรล่ะ ยกเว้นว่าหมดมุขจริง ๆ อะไรจริง หรืออยากมาถ่ายรูปกับแกะ เล่นกับแกะ แค่นั้นจริง ๆ ถึงจะมา เฮ้อ เซ็ง


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

Friday, March 29, 2013

Kourakuen Ramen Gateway Ekkamai Review

Kourakuen Ramen - Ramen Shop at Gateway Ekamai, BTS Ekkamai, Bangkok

โกรัคคุเอ็น ราเมน - ร้านราเมน ร้านอาหารญี่ปุ่น เกทเวย์ เอกมัย





Overall Score  /10
Taste   /5
Ambiance  /5
Service  /5
Value   /5



รีวิวร้าน Kourakuen Ramen ฉบับนี้ก็ขอสั้น ๆ ละกันนะครับ เนื่องจากเคยรีวิวอย่างละเอียดเอาไว้เมื่อสัก  7 เดือนที่แล้วแล้ว ไปกินร้านนี้งวดนี้ ต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อยตรงที่ไม่มีคน ไม่มีคิว เหมือนตอนนั้นแล้ว แต่ว่าทุก ๆ อย่างของทางร้านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าจะตัวเมนู, ตัวร้านบรรยากาศร้าน อาจจะมีเปลี่ยนไปบ้างตรงที่ตอนนี้เด็กเสิร์ฟเป็นคนไทยหมดแล้ว ตอนนั้นที่มาจำได้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นสักครึ่งนึง (เหมือนจะส่งมาให้ควบคุมงาน ควบคุมคุณภาพก่อน พออยู่ตัวก็จะกลับประเทศไป อะไรงี้)

คราวที่แล้วที่มากินจำได้ว่าผมกินราเมนซอสโชยุ ซึ่งเป็นซอสดั้งเดิม ต้นตำรับของทางร้านไป และก็สั่งราเมนแห้งมาอีกอย่างนึง จำได้ว่าครั้งก่อนค่อนข้างจะพอใจกับรสชาติราเมนของร้านนี้เลย มางวดนี้ จากการที่ผมชอบถือคติว่าต้องไม่กินอะไรซ้ำ ๆ เดิม ต้องลองไปเรื่อย ๆ  ก็เลยสั่งราเมนอีก 2 น้ำซุปไป เป็นมิโซะ กับ ชิโอะ มาแทน (คือเอาจริง ๆ ร้านนี้มีขายน้ำซุปครบ 3 แบบ 3 สไตล์เลย ไม่มีแค่น้ำซุปกระดูกหมูหรือทงคตสึแค่นั้น)

ตัว Shio Negi Ramen (Salt flavor with chopped onion - 159 บาท) นั้นเป็นราเมนชามหลักของผม และผมได้สั่งเพิ่ม ชาชู + ไข่ต้ม - 70 บาท เพิ่มเข้าไป แล้วก็ราด ๆ ตกแต่งราเมนให้ดูมีเนื้อหนังมังสา มีโปรตีนมากขึ้น น่ากินมากขึ้นเอง เบ็ดเสร็จราเมนชามนี้ก็อยู่ที่ 239 บาทนั่นเอง น้ำซุปของราเมนชามนี้ค่อนข้างจะแบบจืด ๆ เบา ๆ ตามสไตล์ Shio Ramen ที่มันจะเข้มข้นน้อยที่สุดในบรรดาน้ำซุปราเมนทั้งหลายแหล่อยู่แล้ว ส่วนตัวหัวหอม กับพริกที่ใส่มาก็ให้มาค่อนข้างเยอะดี ช่วยทำให้ราเมนชามนี้มีความจัดจ้านมากขึ้น อร่อยมากขึ้น ส่วนตัวเนื้อหมูกับไข่ที่ผมสั่งมาใส่เพิ่มเข้าไปเอง ก็เป็นอะไรที่เข้ากันดี กับตัวราเมน รวม ๆ แล้วราเมนชามนี้ผมค่อนข้างชอบนะ






Miso Ramen - 139 บาท : อันนี้เป็นของเพื่อนผมที่ไปด้วยกัน อย่างแรกที่สะดุดเลยคือตัวน้ำซุปราเมนมันเค็มมากกกกก และก็ไม่ค่อยมีความเผ็ด ความหอม(แบบเหม็น ๆ) ของตัวมิโซะสักเท่าไร แต่แบบอะไรอย่างอื่นในชามก็เหมือนกับชามของผมหมด ไม่ว่าจะเส้น, ชาชู หรือไข่ต้ม แต่เนื่องด้วยแค่น้ำซุปที่เค็มปี๋ เค็มเกินไปแค่นี้นี่แหละครับ ก็เลยทำให้ราเมนชามนี้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างแย่ ค่อนข้าง down ลงไปเลย


Gyoza 80 บาท : เกี๊ยวซ่าของร้าน โกรักคุเอ็น ราเมน นี่ก็ค่อนข้างจะมาตรฐานครับ ไม่ได้โดดเด่น พบเจอได้ตามร้านราเมนทั่วไป แต่เจ้าน้ำจิ้มเกี๊ยวซ่าของทางร้านนี่สิคือตัวปัญหา เพราะว่ามันเค็มปี๋เอามาก ๆ เค็มจนทำให้เกี๊ยวซ่าอร่อยน้องลงไป จนชิ้นหลัง ๆ ผมกินเปล่า ๆ ไม่จิ้มเอาแทนเลย เฮ้อ ไม่รู้ว่าร้านนี้เป็นอะไรกับความเค็มมากมั้ยเนี่ยมื้อนี้ เหมือนกะจะให้คนเมากินแล้วชอบ กินแล้วพริ้วประมาณนั้นแน่เลย

สรุป มางวดที่ 2 ครั้งนี้ รู้สึกประทับใจในตัวราเมนของทางร้านน้อยลงไปเล็กน้อย คือรวม ๆ ร้านนี้ก็เป็นร้านราเมนที่พอโอเคมากินได้อยู่เรื่อย ๆ อยู่ แต่แค่แบบความรู้สึกในการกินมื้อนี้มันกลายเป็นการกินราเมน franchise ไปมากกว่าเดิมแล้ว ออกแนวเหมือนกินฮะจิบัง ราเมน อะไรงี้ คือ อร่อย กินได้ แต่ไม่เกิดความประทับใจหลังกิน ประมาณนั้น


--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Feel free to leave a comment and you can also contact me via channels below.
http://www.bumres.com
http://www.facebook.com/BumRes
admin@bumres.com
ร้านอาหาร

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...